
ประเภทคอนเทนต์ Facebook ads ในปี 2024
ก่อนจะลง Content บน Facebook เพื่อการขายขึ้นมาได้สักอย่างหนึ่ง ทุกคนต้องรู้จักประเภทของ Content ตัวนั้นให้ดีก่อน เพื่อให้สินค้าของเราตรงต่อกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการสื่อสารให้กับผู้คนที่เห็นสินค้าเข้าใจไปในทางเดียวกันกับเราได้อย่างถูกต้อง แต่ปัจจุบันที่สังเกตเห็นได้ชัดว่ามีแต่ Content ขายตรงอย่างเดียว รู้หรือไม่ว่าคนซื้อไม่อยากรู้ว่าขายอะไร ราคาเท่าไร แต่ผู้ซื้ออยากทราบถึงคุณสมบัติ ประโยชน์ที่จะได้รับมากกว่า ทำให้ Content น่าเบื่อ ไม่มีจุดสนใจ คนเลื่อนผ่าน กดข้ามโฆษณาไปทำให้เงินที่ยิงโฆษณาเสียเปล่า วันนี้เป็ดดำจะพาทุกคนมาเรียนรู้ประเภทของ Content ทำยังไงให้คนหยุดมอง แล้วกดทักข้อความอย่างเร็ว และปิดจบการขายได้นั่นเอง
หัวข้อที่สนใจ
Promotion-Sales Content
Real-Time Content (Trend)
Value-Added Content
Video Content
Educate Content
Interaction Content
Product Content

1. Promotion-Sales Content
เป็น Content ที่เพิ่มยอดขาย หรือต้องการขายสินค้าด้วยเฉพาะ เนื้อหาส่วนใหญ่จะเน้น ลดแลกแจกแถม ลดแรงรับสิ้นปี ลดราคาพิเศษ โดยจะออกโปรโมชั่นช่วง 10.10 , 25 ของทุกเดือน หรือ Mega Sale เป็นต้น เพราะส่วนใหญ่ Content พวกโปรโมชั่นจะมาเร็วจบเร็วทำให้เรียกได้ว่าเป็นนาทีทองของพ่อค้าแม่ค้าเลยก็ว่าได้ แต่อย่าลืมมีเงื่อนไขให้เพิ่มยอดEngagement เช่น กดไลค์ กดแชร์โพสต์เป็นสาธารณะด้วย

2. Real-Time Content (Trend)
Content ที่ง่ายสุดจับประเด็นสังคมในปัจจุบันที่กำลังเป็นไวรัลอยู่ นำมาผูกให้เข้ากับสินค้าแบรนด์ของตัวเอง เช่นปัจจุบัน น้องหมูเด้ง กำลังดังมาก อาจจะสื่อสินค้าในรูปแบบภาพหมูเด้ง ลด 3 เด้ง เป็นต้น แต่ขอแนะนำว่าให้สร้าง Content ที่รวดเร็วกว่าแบรนด์อื่น หากช้าอาจเป็นคอนเทนต์ที่ตกเทรนด์ และมีโอกาสซ้ำกับคนอื่นได้ง่าย

3. Value-Added Content
Content ที่เห็นส่วนใหญ่ และเจ้าของแบรนด์ใช้ส่วนมาก คือ การเพิ่มมูลค่าของสินค้าตัวนั้น แต่ออกมาในรูปแบบ Content เพื่อสื่อสารให้ตรงกลุ่มเป้าหมายให้เข้าใจง่ายที่สุด Keyword ก็คือ หาอะไร จับคู่ให้ง่ายสุด ปังสุด เช่น ตอนรับหน้าหนาวด้วยเสื้อไหมพรมอุ่นๆสักตัว แถมผ้าพันคอลาย mickey mouse เป็นต้น เพิ่มยอดขายให้สินค้าจาก 1 เป็น 2 ไปในตัวด้วย

4. Video Content
Content ที่สื่อสารง่ายทำให้เห็นภาพที่สุด แถมเป็นคอนเทนต์ที่เหมาะกับ Re-targeting จากคนที่ดูวีดีโอได้ด้วย เพื่อทำให้เจาะกลุ่มลูกค้าที่ดูโฆษณาได้อย่างแม่นยำและสามารถปรับคอนเทนต์ให้มีความหลากหลายได้มากขึ้น

5. Educate Content
Content ที่ให้ความรู้แก่ผู้อ่าน แถมข้อดีคือ ทำให้ผู้อ่านคล้อยตามและกดซื้อสินค้าได้ในที่สุด เราอาจเรียก Educate หรือ Information เป็นการสื่อสารโดยใช้แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ และทำการวิจัยมาแล้ว ทำให้คอนเทนต์รูปแบบนี้ต้องมีความถูกต้องของข้อมูลและมีการอ้างอิงอยู่เสมอ เช่น การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมต่อวันช่วยให้ผิวชุ่มชื่น แต่ถ้าดื่มน้ำ C-vitt จะช่วยให้สุขภาพดี ช่วยป้องกันหวัดได้ด้วย เป็นต้น

6. Interaction Content
เป็นการโพสต์ที่เน้นการมีส่วนร่วม เล่นสนุก ทำยังไงก็ได้ให้สื่อออกไปให้อ่านโพสต์แล้วอยากเล่นตาม มีการแชร์ออกไป กดไลค์ โดยที่เราไม่ต้องร้องขอให้ทำ แต่ต้องดูว่า Content ที่สื่อออกไปมีคุณภาพหรือไม่ ทำให้เกิดมูลค่ากับแบรนด์ได้จริงหรือป่าว

7. Product Content
Content ที่ขาดไม่ได้ หัวใจหลักพ่อค้า แม่ค้าเลยก็ว่าได้ เป็นคอนเทนต์ที่บอกตัวตน สรรพคุณต่างๆ ว่ามีอะไรดี ราคา โปรโมชั่นต่างๆ งัดออกมาโชว์ให้ลูกค้า แต่ความยากของคอนเทนต์นี้ คือ เน้นการขายและทำโปรโมชั่นมากจนเกิ นไป ทำให้กำไรที่ได้ไม่พอกับค่าโฆษณา ดังนั้นต้องมี การวางแผนกลยุทธ์การตลาด อยู่เสมอการลงโฆษณาทุกครั้ง